เป็นผู้ผลักดันระบบการพิจารณาคดีต่อเนื่องในศาลยุติธรรม
ท่านเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและมีการผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จแห่งเป้าหมายนั้น อาทิ
ก่อนท่านดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา มีคดีค้างการพิจารณาอยู่ในศาลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในคดีอาญาอุกฉกรรจ์ที่จำเลยอาจไม่ได้อนุญาตให้มีการปล่อยชั่วคราว ( ประกันตัว ) หรือจำเลยไม่มีหลักทรัพย์เพียงพอที่จะร้องขอให้มีการปล่อยชั่วคราว ทำให้จำเลยในบางคดีต้องถูกขังในระหว่างพิจารณานานถึงสิบปีเศษ เมื่อท่านดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ท่านจึงเร่งผลักดันให้มีการออกระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม คำแนะนำประธานศาลฎีกา ตลอดจนกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับการพิจารณาคดีต่อเนื่อง ทำให้คดีที่ค้างพิจารณาอยู่เดิมในนั้น ลดจำนวนคดีลงอย่างรวดเร็ว จากเดิมกว่า 25,000 คดี จนในปัจจุบันยังเหลือค้างอยู่เพียง 400 500 คดีเท่านั้น ส่วนคดีใหม่ที่ยื่นต่อศาลจะใช้เวลาเพียง 1 ถึง 2 ปี นับได้ว่าเป็นการคืนความยุติธรรมให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
เป็นผู้ริเริ่มให้มีการส่งคำคู่ความและเอกสารทางคดีโดยเจ้าพนักงานไปรษณีย์แทนเจ้าหน้าที่ศาล
เดิมการส่งคำคู่ความและเอกสารทางคดีต้องส่งโดยเจ้าพนักงานศาลซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการส่งค่อนข้างสูงเนื่องจากการเดินทางในบางท้องที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ ( เช่น การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปยังจำเลยซึ่งอยู่ในท้องที่ห่างไกล ) ท่านจึงเล็งเห็นว่า ในบางคดีผู้เป็นโจทก์ต้องเสียค่าส่งเอกสารในอัตราสูงจนไม่คุ้มกับจำนวนทุนทรัพย์หรือจำนวนเงินที่เรียกร้องกัน ท่านจึงกำหนดข้อบังคับว่าด้วยการส่งคำคู่ความและเอกสารทางคดีเสียใหม่ กล่าวคือ ให้จัดส่งคำคู่ความและเอกสารทางคดีโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับด่วนพิเศษก่อน และให้คู่ความวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการส่งเบื้องต้นเพียงไม่เกิน 500 บาท วิธีการนี้มีผลให้คู่ความในคดีสามารถลดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการส่งหมายลงอย่างมาก
เป็นแบบอย่างแห่งการสมถะและไม่ฟุ้งเฟ้อ
ด้วยเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นจะขจัดปัญหาการคอร์รัปชั่นและอิทธิพลต่างๆให้หมดไปจากสังคมไทย ทั้งนี้ เนื่องจากท่านประสงค์จะวางแนวปฏิบัติตนของข้าราชการให้ระมัดระวังเกี่ยวกับความประหยัดในการจัดงานเลี้ยงต้อนรับข้าราชการตุลาการชั้นผู้ใหญ่ในโอกาสที่ท่านไปตรวจราชการ หรือเดินทางไปรับตำแหน่ง และการจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันสำคัญของศาล ท่านจึงได้ออกคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการดำรงตนในโอกาสต่างๆของข้าราชการตุลาการ โดยเน้นความประหยัด และไม่สมควรเรี่ยไรเงินสนับสนุนจากจากบุคคลภายนอกซึ่งทำให้เสียภาพลักษณ์ของวงการศาลยุติธรรม แนวปฏิบัติดังกล่าวล้วนเป็นแบบอย่างแห่งการสมถะและไม่ฟุ้งเฟ้อ และน่าเคารพอย่างยิ่ง |